Monday, 20 March 2023

รีวิวหนัง The Son สัมพันธ์ด่ำดิ่ง..รวดร้าว แทบลงไปนอนกองที่พื้นโรงหนัง

อีกหนึ่งผลงานหนังดราม่าสุดจัดจ้าน ทางการแสดงของผู้กำกับที่โดดเด่นกับการร้อยเรียง ประเด็นครอบครัวได้อย่างเชี่ยวชาญ อย่าง “ฟลอเรียน เซลเลอร์” นักสร้างหนังที่เคยปังสุดๆ มากับหนังชิงออสการ์ อย่าง The Father และมาล่าสุดใน “The Son” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังภาคต้น จากเรื่องที่แล้ว ที่ยังคงเน้นกับการ ใส่เนื้อความเกี่ยวกับ สถาบันครอบครัวได้อย่างลึกซึ้งรวมทั้งเจ็บปวด ซึ่งจะต้องบอกตรงๆ เลยว่าหนังเรื่องทำปฏิกิริยา กับผู้ชมอย่างด่ำดิ่ง ประเภทที่แทบลงไปนอนกองที่พื้น

The Son ครอบครัว

The Son เล่าเรื่องราวของ ปีเตอร์ กำลังยุ่งอยู่กับชีวิตหน้าที่การงานของเขา

รวมทั้งการดูแลภรรยาคนปัจจุบัน เบธ กับลูกๆ ของพวกเขา จนกระทั่งการปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งของ เคต อดีตภรรยาที่มาพร้อมกับ นิโคลัส ลูกชายที่โตขึ้นเป็นวัยรุ่น ทำให้ชีวิตของปีเตอร์

จะต้องเจอกับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง สำหรับเพื่อการจัดการกับอดีต ที่เขาเคยเดินจากมา รวมทั้งขณะนี้ได้ไล่ติดตาม ถึงตัวเขาอีกรอบ

หนังเรื่องนี้ปรับเปลี่ยนมาจากฉบับละครเวที (Le Fils) ที่ ฟลอเรียน เซลเลอร์ เป็นผู้ประพันธ์ แล้วก็สร้างเอาไว้ เมื่อปี 2018 โดยเขาหยิบจับเอาบทละคร มาขัดเกลาปั้นออกมา เป็นบทหนังที่เต็มไปด้วยความคมคายเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์รวมทั้งปัญหาในครอบครัว ได้อย่างบรรจงสร้าง บาดเจ็บไปด้วยการแสดงของนักแสดง

หลักๆเพียงแค่ไม่กี่คน แต่ว่าเต็มไปด้วยความทรงพลัง เป็นหนังที่สอดแทรกประเด็นได้อย่างหนักอึ้ง และสะท้อนปัญหาตอนนี้ ของความเป็นครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม

ถึงแม้เสียงวิภาควิจารณ์จากเหล่านักวิจารณ์ทั้งโลก จะไม่ได้ประทับใจในหนังเรื่องนี้กันสักเท่าไหร่ เนื่องจากความที่เป็นหนัง สไตล์เมโลดราม่า ที่มิได้เหนือการคาดการณ์อะไรสักเท่าไหร่

แต่ว่าไม่ว่าใครจะไม่ชอบ แต่ทางเราชอบหนังเรื่องนี้ ในระดับน่าพึงพอใจ ถึงมันอาจจะยังไม่ใช่หนังที่เต็ม ไปด้วยองค์ประกอบที่เพอร์เฟ็ค แต่ว่าอย่างน้อยๆTheSon ก็สร้างปฏิกิริยา และก็ขับเคลื่อนอารมณ์ ให้กับผู้ชมไปได้ด้วยดี ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้

The Son อดีต

บทหนังในเรื่อง The Son นั้น คือหากคนไหน

เป็นผู้เสพสายละครเวที หรือ Performance Art มานั่น จะสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่า หนังยังมีความเป็นละครเวทีปะปนอยู่เต็มไปหมด เสมือนจับการแสดงบนเวที มาร้อยเรียงเป็นช็อตๆ เรียบเรียงคือเรื่องเดียวกันออกมา เป็นหนังเรื่องนี้ รวมทั้งเป็นไปตามที่นักวิจารณ์

บอกกันว่าบทหนังไม่ได้ มีอะไรที่เหนือการคาดการณ์ เนื่องจากว่าถ้าหากทดลองตามดูไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้จะเดาแนวทางของหนังได้ยากเท่าไร บทสรุปแล้วก็จุดหักมุมต่างๆ มีความเป็นแอคติ้งสเตจตามสูตร

ทางด้านงานสร้างของหนังเรื่องนี้ ดูท่า ฟลอเรียน เซลเลอร์ ก็ยังคงนำเสน่ห์ และวิสัยทัศน์ ที่รู้จักของเขามา ใช้อยู่เช่นเดิม หลายประองค์ในหนังเรื่องนี้ ยังส่งผลให้นึกถึง The Father ผลงานเรื่องก่อน อยู่ประปราย มุมภาพ มุมกล้อง และวิธีนำเสนอต่างๆ ของ TheSonยังย้ำไปที่การโฟกัสแบบโคสอัพตัวละคร ที่กำลังสื่อสารอารมณ์ อยู่ได้อย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าจะไม่ใช่แนวทางที่แปลกใหม่ และออกจะดูธรรมดาไปหน่อย แต่ว่าก็นับว่ายังเป็นสูตรเดิม ที่เวิร์กกับตัวหนังดีอยู่

The Son ดราม่า

ส่วนพาร์ททางการแสดงก็นับว่ามิได้ทำให้ผิดหวังเลย “ฮิวจ์ แจ็คแมน”

เป็นแบกรับ และก็ตีโจทย์ออกมาได้ดี ตามมาตรฐานของเขา แม้ว่าแอคติ้งของเขา จะไม่ได้ทรงพลังยิ่งยวดอะไรขนาดนั้น แต่ว่าจัดได้ว่าสื่อสาร ทางอารมณ์ออกมาได้ดี ทั้งยังผ่านอากัปกิริยาและก็ไดอะล็อกต่างๆ เขาทำได้น่าพึงพอใจ เป็นการแสดงที่ดี ในมาตรฐานไปถึง รางวัลได้ ก็แค่จะต้องมาดูว่าคู่แข่ง ในปีนั้นๆ จะแข็งแกร่งสักมากแค่ไหน ซึ่งแน่ๆ ว่ายังมีคนอื่น จากเรื่องอื่นที่ดีกว่า

ช่วงเวลาที่ “ลอร่า เดิร๋น” กับ “วาเนสซา เคอร์บี้” ก็ถือว่าเป็นตัวละคร ที่ละสายตาไปมิได้เช่นกัน พวกเขามอบการแสดง ที่น่าพอใจและก็ดีตามมาตรฐานของตนเช่นเดียวกัน

หรือแม้กระทั่ง “แอนโทนี ฮอพกินส์” ที่ตำนานก็ยังคือตำนาน ออกมาแค่เพียงซีนเดียวใหญ่ๆ ก็ทรงพลังได้อย่างน่าขนลุก และก็คนที่ไม่เอ่ยถึงคงจะมิได้ก็คือ “เซน แม็คกราธ” นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งหน้าใหม่ ที่ชั่วโมงบินอาจจะยังน้อย แต่ว่าลีลากการเข้าถึงบทดราม่า ของเขาก็จัดได้ว่าจัดจ้านดี

ด้วยเหตุดังกล่าวโดยภาพรวมแล้ว TheSon นับว่าเป็นหนังดราม่า ที่เต็มไปด้วยเนื้อความ ที่ทรงพลังดี สะท้อนถึงปัญหาด้านสังคม และก็ครอบครัวได้อย่างรวดร้าว การเล่าเรื่องที่ง่ายๆ ออกไปทางละครเวที เรื่องยาวที่ยังทำได้ประทับใจดี กับการแสดงของนักแสดงมืออาชีพ ที่ช่วยประคองตัวหนัง ทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างดี

แม้ว่าหนังจะยังไม่ถึงกับขนาดสมบูรณ์ ในทุกด้านก็ตาม และก็บทหนังก็ยังค่อนข้างจะธรรมดา ไม่เกินที่คาดเดามากสักเท่าไรนัก แต่ว่าเพียงประเด็นของหนัง ที่ต้องการสื่อสารออกมานั้น ก็จัดว่าสามารถซื้อใจ และทำให้รู้สึกเหนี่ยวรั้ง อารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนกระทั่งฉากจบของเรื่อง

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Son

ประเภท: ดราม่า / ครอบครัว
ผู้กำกับ: ฟลอเรียน เซลเลอร์
นำแสดงโดย: ฮิวจ์ แจ็คแมน, ลอร่า เดิร์น, วาเนสซา เคอร์บี้
ความยาว: 123 นาที
กำหนดฉายในไทย: 26 เดือนมกราคม 2023 (เฉพาะที่ House สามย่าน)